แน่นอนว่า ในการทำโฆษณาผ่านหน้าร้านนั้นมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จอทีวีทั่วไป แต่ใช้ Flash Drive ในการปรับเปลี่ยนโฆษณา หรือจะป้ายโฆษณาแบบเก่าผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น Roll Up, Standy หรือจะเป็นการใช้ป้ายไฟแบบ Light Box ก็ตาม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความถี่ในการจัดโปรโมชั่นของธุรกิจของเรา ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการทำโฆษณาแต่ละประเภท
** หากไม่ต้องการอ่านรายละเอียด สามารถดูวิดีโอสรุปได้ที่ https://youtu.be/CPBt8HN0Hr8
โดยในบทความนี้ เราจะขอเน้นเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระหว่างการใช้ป้ายโฆษณาแบบเก่าผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ กับการใช้งานซอฟต์แวร์ Digital Signage ของ SignMate ทั้งหมด 4 มิติด้วยกันดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยน แก้ไขโฆษณา
ในการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายนั้น ทางเราขอตั้งสมมติฐาน (Assume) ว่าในกรณีที่ธุรกิจของคุณมี 20 สาขา เราจะเสียค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อโฆษณาเป็นมูลค่าเท่าไร โดยสมมติว่าเรามีโปรโมชั่นเปลี่ยนเฉลี่ยนเดือนละ 1 ครั้ง ดังภาพ
จากภาพด้านบน จะพบว่า เราได้ตั้งค่าเฉลี่ยในการสั่งพิมพ์สื่อโฆษณาอยู่ที่ 250 บาท (ซึ่งจริง ๆ แล้วหากเรามีการจัดทำสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์บางรูปแบบ จะมีมูลค่าสูงกว่านี้) พร้อมค่าจัดส่ง 150 บาทต่อครั้งต่อ 1 สาขา จะรวมเป็น 1 ครั้ง เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 8,000 บาท (สำหรับ 20 สาขา) และเมื่อนำมาคูณกับจำนวนเดือน (12 เดือน : 1 ปี) จะพบว่าใน 1 ปีนั้นคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ที่ 96,000 บาทเลยทีเดียว
แต่ในกรณีที่คุณหันมาใช้งานซอฟต์แวร์ Digital Signage ของเรานั้น ค่าใช้จ่ายในส่วนของซอฟต์แวร์ต่อปีที่คุณจะต้องเสีย เป็นดังนี้ (ราคานี้ไม่รวมอุปกรณ์)
ซอฟต์แวร์ Digital Signage ในแพคเกจเริ่มต้นของเรานั้นอยู่ที่ 3,600 บาทต่อปีต่อเครื่อง ซึ่งหมายความว่า หากคุณใช้งานเครื่องละ 1 สาขา คุณจะต้องชำระค่า Software Licenses เป็นจำนวน 20 Licenses โดยจะมีส่วนลดให้เป็นอัตรา 15% ของมูลค่าซอฟต์แวร์
ดังนั้น ค่าซอฟต์แวร์ต่อ 1 License ต่อปีนั้นจะลดเหลือเพียง 3,060 บาทเท่านั้น เมื่อคูณจำนวนหน้าจอที่จะใช้ (20 หน้าจอ : 20 Licenses) จะเป็นค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 61,200 บาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งจะพบว่าค่าใช้จ่ายระยะยาวนั้นจะถูกกว่าการสั่งพิมพ์สื่อโฆษณาผ่านป้ายโฆษณาแบบเก่ากว่า 35% และที่สำคัญคือคุณสามารถสั่งเปลี่ยนโปรโมชั่นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติม และคุณยังสามารถตั้งเวลาปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นตามเทศกาล หรือเป็นโปรโมชั่น Happy Hour ในแต่ละวันได้แบบอัตโนมัติ
โดยค่าบริการตามภาพนี้ยังไม่รวมค่ากล่อง Android Box หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงเสริมใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งค่ากล่อง Android Box ต่าง ๆ นั้นจะเป็นรูปแบบการซื้อขาดในราคาเพียง 3,500 บาทเท่านั้น
2. การประสานงานในการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่น
สำหรับการทำป้ายโฆษณาแบบสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เราจะต้องมีการส่งสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านั้นไปให้แต่ละสาขาในการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่น ซึ่งสื่อสิ่งพิมพ์บางประเภทนั้นเปลี่ยนง่าย ก็จะไม่ค่อยเกิดปัญหา แต่ในบางครั้งเราใช้สื่อสิ่งพิมพ์ที่มีการติดตั้งหรือปรับเปลี่ยนยาก ก็จะทำให้เกิดปัญหาจุกจิกตามมา
แต่หากคุณเปลี่ยนมาใช้ Digital Signage Software ของ SignMate นั้น คุณสามารถสั่งเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องแจ้งไปที่แต่ละสาขาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่าง ทุกจอแสดงผล จะถูกควบคุมสั่งการผ่านสำนักงานใหญ่ทั้งสิ้น ลดปัญหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการประสานงานได้
3. ระยะเวลาในการเปลี่ยนโฆษณา หรือการ Deploy โปรโมชั่นไปแต่ละสาขา
การจัดโปรโมชั่นผ่านสื่อสิ่งพิมพ์นั้น จะใช้เวลา Lead Time ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการสั่งพิมพ์ ระยะเวลาในการจัดส่ง และการติดตั้งต่าง ๆ ซึ่งด้วยระยะเวลาเหล่านี้ บางครั้งเราอาจจะไม่สามารถควบคุมได้อย่างชัดเจน ทำให้การจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ จะต้องใช้เวลาการวางแผนล่วงหน้าค่อนข้างนาน เพราะต้องเผื่อระยะเวลาในการจัดพิมพ์หรือส่งป้ายโฆษณาไปแต่ละสาขาด้วย
แต่หากคุณหันมาใช้ Digital Signnage Software ของ SignMate นั้น คุณสามารถสั่ง Deploy หรือปรับเปลี่ยนโฆษณาหรือเปลี่ยนโปรโมชั่นได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้คุณมีอิสระในการคิดโปรโมชั่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น โปรโมชั่นตามกระแส ต่าง ๆ
4. ความหลากหลาย ความน่าสนใจของสื่อโฆษณา
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วครับว่าการทำโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เราไม่สามารถสร้างความหลากหลายให้กับสื่อโฆษณาของเราได้ สิ่งที่เราทำได้คือเป็นภาพนิ่ง ๆ เพียงภาพเดียว ซึ่งอาจจะไม่ก่อให้เกิด Impact (เหตุแห่งการดึงดูดใจ) ต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรามากเท่าที่ควร
แต่หากคุณหันมาใช้ Digital Signage Software ของ SignMate นั้น คุณสามารถสร้างความหลากหลาย ความน่าสนใจ ที่จะก่อให้เกิด Impact (เหตุแห่งการดึงดูดใจ) ต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะคุณสามารถนำเสนอสื่อในรูปแบบ Multimedia ได้ เช่น วิดีโอ รูปภาพ สไลด์โชว์ เสียงเพลง หรือแม้กระทั่งข้อความวิ่ง ฯลฯ ซึ่งหากสื่อโฆษณาของคุณสามารถก่อ Impact กับลูกค้าคุณได้ ก็จะมีโอกาสทำให้คุณสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้น
เป็นอย่างไรบ้างครับ นี่เป็นเพียงบทสรุปการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียเพียง 4 มิติเท่านั้น หากคุณเริ่มสนใจหันมาใช้งาน Digital Signage Software สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือให้เราไป Demo วิธีการทำงานของซอฟต์แวร์ที่ออฟฟิศคุณได้ แค่ติดต่อที่เบอร์ 097-148-9669 เรายินดีให้คำปรึกษาคุณโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม